วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ไวโอลิน: conception หรือ กรอบแนวคิดในการผลิตและคัดสรรไวโอลินรุ่นต่าง ๆ

conception หรือ กรอบแนวคิดที่ทาง DGVs ใช้เป็นแนวทางในการผลิตและคัดสรรไวโอลินรุ่นต่าง ๆ

อักษรย่อต่าง ๆ

s - student level หมายถึง ระดับนักเรียนเริ่มต้น สำหรับใช้ฝึกหัด หรือใช้กับการเรียนในขั้นเริ่มต้นจนถึงระดับกลาง

c - concert level หมายถึงระดับกลาง เดิมตั้งใจจะใช้คำว่า intermediate level แต่พอย่อมาแล้วมันเป็นอักษร i เช่น DVN-i200 มันดูทะแม่ง ๆ เหมือนสินค้าอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ไวโอลิน ก็เลยเปลี่ยนเป็น concert แทน สื่อความหมายรวมถึงไวโอลินที่มีศักยภาพเหมาะที่จะใช้เล่นแสดงได้

L - ย่อมาจาก Oil & Spirit varnish mixed ใช้ต่อท้ายตัวเลขแสดงชื่อรุ่นเพื่อบ่งบอกว่าไวโอลินรุ่นนั้น ๆ ใช้วารนิชผสมระหว่าง oil varnish กับ spirit varnish

B - ใช้ต่อท้ายตัวเลขแสดงชื่อรุ่นเพื่อบ่งบอกว่าไวโอลินรุ่นนั้น ๆ มีการ finish แบบ matt หรือแบบด้าน (ถ้าแบบเงา เรียกว่า gross)

จำนวน ตัวเลข - สำหรับ ไวโอลินรุ่นที่นำหน้าด้วยอักษร c แต่ละรุ่นจะมีตัวเลขที่ตามหลังมาจำนวนไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นตัวบอกชนิดของ 'ไม้' และ 'วารนิช' ได้แก่

ตัวเลข 3 ตัว - เช่น c100, c200, c300 หมายถึง ใช้ chinese tonewood, spirit varnish

ตัวเลข 2 ตัว - เช่น c10, c20, c30, หมายถึง ใช้ chinese tonewood หรือ chinese tonewood ร่วมกับ european tonewood, oil varnish

ตัวเลข 1 ตัว - เช่น c1, c2, c3 หมายถึง ใช้ european tonewood ทั้งหมด, italian oil varnish

ตัวเลขต่อท้ายอักษรเดียวกัน แต่มีค่าต่างกัน

หมาย ถึงคุณภาพของไม้ maple เป็นหลัก โดยตัวเลขที่มากกว่าหมายถึงไม้มีคุณภาพดีกว่าผ่านการเก็บพักในโรงไม้ (timbre) เป็นระยะเวลานานกว่า เช่น c200 ผลิตจากไม้เมเปิ้ลที่มีคุณภาพดีกว่า c100 เป็นต้น

Conception

s100   ไวโอลินสำหรับหัดเล่นที่มีสัดส่วนและโครงสร้างได้มาตรฐาน ราคาประหยัด เล่นง่าย ตอบสนองไว ดูแลรักษาง่าย
s200   ไวโอลิน สำหรับหัดเล่นที่มีสัดส่วนและโครงสร้างได้มาตรฐาน ราคาประหยัด เล่นง่าย ตอบสนองไว ดูแลรักษาง่าย งานประณีต สวยงาม น้ำหนักเบา
s300   ไวโอลิน สำหรับหัดเล่นที่มีสัดส่วนและโครงสร้างได้มาตรฐาน ราคาประหยัด เล่นง่าย ตอบสนองไว ดูแลรักษาง่าย งานประณีต สวยงาม ผลิตจาก tonewood ที่คัดเลือกแล้ว เนื้อเสียงดี น้ำเสียงดี
c100   ไวโอลินระดับกลาง handmade ราคาประหยัด ผลิตจาก tonewood ที่คัดเลือกแล้ว เนื้อเสียงดี น้ำเสียงดี ตอบสนองต่อเทคนิคการเล่นขั้นสูงได้
c200   ไวโอลินระดับกลาง handmade ราคาประหยัด ผลิตจาก tonewood ที่คัดเลือกแล้ว เนื้อเสียงดี น้ำเสียงดี ตอบสนองต่อเทคนิคการเล่นขั้นสูงได้
c300   ไวโอลินระดับกลาง handmade ราคาประหยัด ผลิตจาก tonewood ที่คัดเลือกแล้ว เป็นพิเศษ เนื้อเสียงดี น้ำเสียงดี ตอบสนองต่อเทคนิคการเล่นขั้นสูงได้
c300L   ไวโอลิน ระดับกลาง handmade ราคาประหยัด ผลิตจาก tonewood ที่คัดเลือกแล้ว เป็นพิเศษ เนื้อเสียงดี น้ำเสียงดี ตอบสนองต่อเทคนิคการเล่นขั้นสูงได้
c10   ไวโอลิน unique handmade ราคาประหยัด ผลิตจาก tonewood ที่คัดเลือกแล้ว เป็นพิเศษ ใช้ oil varnish เนื้อเสียงดี น้ำเสียงดี ตอบสนองต่อเทคนิคการเล่นขั้นสูงได้
c20   ไวโอลิน unique handmade ราคาประหยัด ผลิตจาก tonewood ที่คัดเลือกแล้ว เป็นพิเศษ ใช้ oil varnish เนื้อเสียงดี น้ำเสียงดี ตอบสนองต่อเทคนิคการเล่นขั้นสูงได้
c30   ไวโอลิน unique handmade ราคาประหยัด ผลิตจาก tonewood ที่คัดเลือกแล้ว เป็นพิเศษ ใช้ oil varnish เนื้อเสียงดี น้ำเสียงดี ตอบสนองต่อเทคนิคการเล่นขั้นสูงได้
c1   ไวโอลิน unique handmade ผลิตจาก European Tonewood ใช้ Italian Oil Varnish เนื้อเสียงดี น้ำเสียงดี ตอบสนองต่อเทคนิคการเล่น และการแสดงได้อย่างดีเยี่ยม มีศักยภาพที่จะใช้เป็นไวโอลิน solo ได้
c2   ไวโอลิน unique handmade ผลิตจาก AAA grade European Tonewood ใช้ Italian Oil Varnish เนื้อเสียงดี น้ำเสียงดี ตอบสนองต่อเทคนิคการเล่น และการแสดงได้อย่างดีเยี่ยม มีศักยภาพที่จะใช้เป็นไวโอลิน solo ได้
c3   ไวโอลิน unique handmade ผลิตจาก Master grade European Tonewood ที่คัดเลือกอย่างดีที่สุด ใช้ Italian Oil Varnish เนื้อเสียงดี น้ำเสียงดี ตอบสนองต่อเทคนิคการเล่น และการแสดงได้อย่างดีเยี่ยม มีศักยภาพที่จะใช้เป็นไวโอลิน solo ได้
ศักยภาพพื้นฐานของไวโอลิน อันได้แก่ พื้นเสียงและกำลังเสียง เป็นผลมาจากปัจจัยที่ไม่สามารถแก้ไขได้ หรือแก้ไขได้ยาก เช่น

ฝีมือของช่าง วิธีการทำ วิธีการลงวารนิช เคล็ดลับต่าง ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่
คุณภาพของไม้
คุณภาพของวารนิช
คุณภาพของวัสดุอื่น ๆ เช่น กาว, purfling, pins etc.
ใน การผลิตไวโอลินรุ่นต่าง ๆ ของ DGVs จะพุ่งเป้าไปในส่วนของศักยภาพพื้นฐานก่อน หลังจากนั้นจึงเข้าสู่กระบวน 'ปรับแต่ง' ให้ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงที่สุดตาม conception ของแต่ละรุ่น

ที่มา: violin.mo54.com
สนใจ อูคูเลเล่, โวโอลิน, ตู้แอมป์ และเครื่องดนตรีอื่นๆ 

ติดต่อได้ที่บริษัท บราโวมิวสิค จำกัด 

เว็บไซต์ : http://www.bravomusic.co.th 

ที่อยู่ : 1093/4 ถนนอรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย, กรุงเทพ 10700 

โทรศัพท์ : (66) 02- 866-1152, (66) 028663251 

เบอร์มือถือ: (66) 082-824-6699 

แฟ๊กซ์. : (66) 02- 866-0694 

อีเมล์ : bravo@bravomusic.co.th

ไวโอลิน: ชีวิตโชกโชนของช่างทำไวโอลินมือหนึ่ง “อนุสิทธิ์ เรสลี”



ไวโอลินตัวที่ถูกที่สุดของผม มันไปชนะตัวแพงสุดๆระดับโลกมาแล้ว” สุ้มเสียงแรกที่เขาพูด ฟังดูอหังการ ยิ่งใหญ่เกินจริง
       
        ทว่าหลังจากทีมงาน m - lite ได้ฟังเรื่องราวชีวิตของเขา - อนุสิทธิ์ เรสลี ช่างทำไวโอลิน ผู้ถูกชีวิตทดสอบอย่างหนักหน่วง ทั้งความรักที่มีต่อไวโอลิน คำหยามเหยียดจากคนในวงการ จนถึงวันที่ได้รับการยอมรับ กระทั่งจุดสูงสุดบนชีวิตเรียบง่ายหลังโต๊ะทำงานในบ้านเช่าหลังเล็ก เราก็ได้รู้ว่า ความอหังการนั้นไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย
     
        “เป็นไง? หวานนะ เพราะนะ” เขาเอ่ยขึ้น ระหว่างท้วงทำนองหวานของเพลงไทยที่ขับบรรเลงด้วยไวโอลินดังมาจากลำโพง เครื่องเสียงเล็กๆ ที่แอบตัวอยู่บนชั้นวางไม้เหนือหัวเขา ดวงตาที่หลับพริ้ม ดวงหน้าโยกส่าย ราวกับเขาจมเข้าไปในบทเพลงที่ตัวเองเพิ่งเปิด แวดล้อมบนโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยเศษไม้ ยังมีท่อนไม้สี่เหลี่ยนขนาดเท่าไวโอลินวางกองอยู่ใกล้ๆ
     
        น่าแปลกที่แม้ตอนนี้เขาจะขายไวโอลินได้ตัวละหลายแสน แต่ห้องทำงานของเขากลับเป็นเพียงห้องเล็กๆ เหมือนโรงรถหลังคาสูงมุงด้วยหลังตาสังกะสี บริเวณที่นั่งทำงานก็แคบเพียงแค่ให้นั่งทำงานอย่างเดียว ประตูบ้านที่อยู่ใกล้ๆ เปิดกว้างเหมือนรอให้ใครเข้ามาทักทายได้อยู่ตลอดเวลา ประตูบานนี้ยังทอดสู่สวนขนาดย่อมที่ตกแต่งด้วยไม้เลื้อยร่มรื่นเขียวชะอุ้ม มีน้ำพุเล็กๆ วางตามทางที่พุ่งไปสู่สะพานไม้ที่ทอดข้ามผ่านแอ่งดินเล็กๆ อีกด้วย
     
        “สะพานนั้นผมทำเอง..ว่างๆ ทำไวโอลินเบื่อๆ ก็ทำไอ้พวกนี้บ้าง” เขาเอ่ยถึงสะพานไม้ในรั้วบ้าน สวนทั้งหมดเขาตกแต่งเอง ไม่ใช่ตกแต่งเองในความหมายที่ว่า ออกแบบในกระดาษ หากแต่ตกแต่งเองด้วยมือที่ลงไปถึงสวน และไม้ตัดเลื่อยจนออกมาเป็นสะพาน เป็นงานไม้แลดูเรียบง่ายหากแต่ประณีต
     
     
        “คือผมค้นพบความสุขแล้วไง? ผมเลยไม่ไปไหน อยู่มันตรงนี้แหละ ผมมีความสุขตั้งแต่คิดจะทำไวโอลินแล้ว ตั้งแต่เลือกไม้ เฉือนไม้ มันมีความสุขหมดเลย”
     
       ชีวิตบนเส้นสายไวโอลิน
     
       ปี 2521 เสียงไวโอลินเพลง สร้อยสวนตัด ดังรอยมาเข้าหูอนุสิทธิ์ เรสลี...ในช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อของชีวิตวัยเรียน เขาเพิ่งจบจากโรงเรียนอัสสัมชันบางรักแล้วตั้งเป้าจะเข้าเรียนที่วิทยาลัย ช่างศิลป์...แต่พลาดหวัง
     
       แม้เห็นชื่อตัวเองอยู่ในใบประกาศ ยิ้มร่าถึงขั้นหาซื้อเสื้อนักเรียนปักชศ.(ช่างศิลป์)ที่หน้าอกมาใส่อย่าง ภาคภูมิ ทว่าในวันถัดมาชื่อของเขากลับหายไปจากป้ายประกาศ
     
       “ตอนนั้นผมอายุ 18 พอเห็นว่าตัวเองไม่ได้ ก็เดินร้องไห้ เสียใจมาก เดินไปเรื่อยเลาะไปตามทาง ผ่านธรรมศาสตร์ จนมายืนอยู่หน้ากรมศิลปากร คิดกับตัวเองจะเอายังไงดี พ่อก็อยู่ต่างประเทศ แม่ก็เลี้ยงลูก 10 คน จากทั้งหมด 12 คน เราเป็นคนที่ 2 ไม่อยากจะพึ่งพาใครเลย ตอนนั้นแหละที่เพลงสร้อยสวนตัดมันดังมาจากกรมศิลปากร เราลืมเลย แล้วเราก็อยากเล่นไวโอลิน อยากเล่นมากๆ”
     
       ทว่าไวโอลินที่ราคาค่อนข้างสูง กับฐานะทางบ้านที่เขาไม่อยากพึ่งพาใคร ทำให้เขาหันไปหยิบยืมไวโอลินจากเพื่อนมาเล่น มาฝึกซ้อม เวลานั้นเพลงใต้ เพลงบลู เพลงเลบานอน จนถึงเพลงแถบซีเรียเป็นเพลงที่เขาฝึกซ้อมและใช้เล่นประกวดประชัน เมื่อราว 30 ปีก่อนเขาหมกมุ่นกับการเล่นไวโอลินมากถึงขนาดหมดสิทธิ์สอบ ต้องเรียนใหม่ แต่กระนั้นเขาก็ออกตัวว่า ไม่ใช่นักไวโอลิน
     
       ทว่าหลังจากสามารถเข้าวิทยาลัยเพาะช่างได้สำเร็จ ไวโอลินก็กลายเป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น พอถึงปี 2525 เขาก็เข้าเป็นทหารอยู่ 1 ปีที่กรมทหารราบที่ 1 พอปลดประจำการในปีถัดมาเขาก็สมัครเข้ารับราชการเป็นช่างศิลป์ในฝ่ายโสตทัศนะ ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
     
       “ผมจบอินทีเรียจากเพาะช่างมา แต่ก็มานั่งเขียนอนาโตมี่ให้กับหมอเพื่อเอาไปใช้ประกอบการเรียนการสอน มันเป็นชีวิตแบบข้าราชการจริงๆ เช้าชามเย็นชาม กินกาแฟแก้วสุดท้ายตอน 11 โมง ระหว่างนั้นก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ไปเดินเล่นมาบุญครอง ตอนนั้นผมก็รู้สึกว่าตัวองไม่ได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่เท่าไหร่”
     
       กระทั่งเวลาผ่านไป เขาที่รับราชการได้เงินเดือนเพียง 4,000 - 5,000 บาทได้ไปกินข้าวกับเพื่อนที่ทำงานอยู่บริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งได้รับเงินเดือน อยู่ที่ 25,000 บาท ในมื้ออาหารนั้นเพื่อนได้หยิบเอาผลงานออกแบบมาให้เขาดู เป็นงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาไม่ใช่เรื่องเงิน หากแต่เป็นเรื่องที่เขามองว่า สิ่งนี้ไม่อาจเรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “ผลงาน”ของเพื่อน
     
       “เขาออกแบบแต่มันไปจบที่มือช่างที่จบป. 4 จากสุรินทร์ เพราะอะไร? คุณออกแบบเฟอร์นิเจอร์ คุณจบที่กระดาษแล้วมาคุยว่านี่เป็นผลงานของตัวเอง ผูกไทใส่สูท เลื่อยไม้ยังไม่เป็นเลย ตรงนี้มันทำให้เราอยากลงมือทำด้วยตัวเอง ผมเลยหัดเป็นช่างไม้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2530 ขณะที่ลูกชายคนแรกเพิ่งอายุได้ 1 ขวบ”
     
       เขาอุ้มลูกพร้อมฝึกเรียนงานไม้ เขาเผยถึงการเรียนงานไม้ในฐานะความเป็นงานศิลปะว่า สันดานการเป็นศิลปินนั้นมีอยู่ในตัวทุกคน ทุกคนก็คงอยากทำงานศิลปะด้วยตัวเองทั้งหมดทุกกระบวนการ หากทว่าคนทำได้จริงนั้นมีเพียงหยิบมือ และหลายคนทำไม่ได้ก็ผันตัวเองไปเป็นพ่อค้า
     
       “ไอ้สันดานการเป็นศิลปินทุกคนมีหมดคืออยากจะทำได้จริง แต่บางทีมันทำได้ไม่จริง มันจึงเปลี่ยนจากศิลปินไปเป็นพ่อค้า ก็เลยไปเป็นนายหน้าซะ เอาเด็กมา เฮ่ย! 5 คนมาฝึกเป็นลูกน้องฉัน จบเอาค่าแรงแต่ฉันได้ผลงานได้ชื่อเสียง เรามองว่ามันไม่ยุติธรรม”
     
       ชีวิตเช้าชามเย็นชามจึงจบลง กลายเป็นชีวิตที่ทุ่มเทให้กับการฝึกปรืองานไม้ เขาสารภาพว่า หลังกาแฟ 11 โมงนั้นเขากลับบ้านไปทำตู้ ทำเตียง ทำโต๊ะในห้องแคบเพื่อขายเป็นรายได้เดือนละ10,000 - 30,000 บาท ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่เขาศึกษางานไม้ด้วยตัวเองอย่างจริงจัง และช่วงนั้นเองที่เขาได้เจอกับช่างแกะตราบุหรี่ซึ่งเป็นช่างเหล็กที่ทำ งานอยู่ที่โรงงานยาสูบซึ่งเป็นคนที่จุดประกายให้เขาอยากทำไวโอลิน
     
       “เขาเป็นคนที่จุดประกายให้ผมอยากทำไวโอลิน เพราะเขาเป็นช่างเหล็ก แกะแบบทองเหลือง เขาแค่บังเอิญได้ยินคนเล่นไวโอลินเพลง จำเลยรัก หรือเพลงอะไรสักเพลงนี่แหละ เขาก็ยืนดู จากนั้นก็ขอไวโอลินของคนที่เล่นมาดู จากนั้นก็บอกว่า เขาทำได้แล้ว...จากนั้นก็สร้างไวโอลินขึ้นมาเลย เขาสุ่มทำไวโอลินอยู่ในบ้านตัวเองเป็นเวลา 3 - 4ปี ทำได้ 3 ตัว ขายไปเล่นๆ ราคาเพียง 3,000 - 7,000 บาท พอเบื่อก็เลิกทำ เขาแค่สนุกๆ เพราะเมืองไทยไม่มีใครทำได้”
     
       เมื่อรู้ข่าว อนุสิทธิ์จึงไปหาช่างทองเหลืองนักทำไวโอลินสมัครเล่นคนนั้น แต่ก็ต้องพบกับความจริงที่ว่า ชายผู้นั้นเลิกทำไวโอลินไปแล้ว การพบหน้าครั้งนั้นจึงแทบไม่มีคำพูดใดๆ มีคำถามเพียงสั้นๆ อย่างตัดบทเพียง มาทำไม? จะทำไวโอลินเพื่ออะไร?
     
       ทว่าหลังจากเขาได้คุยตัวเองเป็นช่างไม้ และได้สีไวโอลินเพลงแขกให้อดุลย์ฟัง การไปมาหาสู่กันก็เกิดขึ้น ท้ายที่สุดคำพูดสุดท้ายที่อดุลย์บอกกับอนุสิทธิ์คือ คุณน่ะ...ทำได้ ราวปี 2532 เขาก็กลับบ้านแล้วเริ่มลงมือทำไวโอลินเดี๋ยวนั้นเลย
     
       ไวโอลินตัวแรกของชีวิต
     
       ชีวิตข้าราชการในช่วงเช้าของเขาเต็มไปด้วยการหัดแกะเกาชิ้นไม้ ไม้ชิ้นรูปหัวไวโอลินกลายเป็นที่ทับกระดาษอยู่ในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่องานไม่มีเขานั่งแกะหัวไวโอลินอย่างเดียว ทำไปทิ้งไปจนเพื่อนหลายคนเอ่ยปรามเขา อย่าทำเลย...เหนื่อยเปล่า
     
       กระทั่งวันที่ 1 มกราคม 2538 เขาก็ลาออกจากชีวิตข้าราชการ เปิดโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ มีการลงทุนลงหุ้นในกิจการของเขา เขาสนุกกับงานที่ทำ พร้อมทั้งดอกผลที่ผลิบานกับงานไม้ก็สร้างรายได้ให้ถึงเดือนละ 2 - 4 แสนบาท
       ทว่าชีวิตแสนสุขกลับช่างแสนสั้น เพียง 2 ปีหลังเปิดกิจการ ราวปี 2540 ก็เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ...ฟองสบู่แตก มันคือยุคที่เรียกกันว่า หุ้นตกโดดตึก โรงงานต้องปิดตัว ต้องออกจากบ้านไปอยู่ตึกเรสลีแมนชั่นของน้าชาย จากบ้านหลังใหญ่กลับต้องมาอาศัยในห้องเล็กๆ ครอบครัวที่ประกอบไปด้วยตัวเขา ภริยาและลูกอีก 3 คน เขาบอกเลยว่า แทบไม่มีที่นอน
     
       “ก็ยังเหลือเงินติดกระเป๋าอยู่ 130,000 บาทแต่ต้องออกจากบ้าน บอกลูกอย่าหันกลับไปมองนะ เด็กมันเคยกระโดดน้ำเล่น พาเพื่อนมาเล่นฟุตบอล ชีวิตมันลำบากถึงจุดที่กินข้าวกันจะพลิกปลาทูต้องคุยกันเลยนะ” เขาเล่าถึงชีวิตช่วงที่ตกต่ำที่สุด “เฟอร์นิเจอร์ตอนนี้คือเราไม่ไหวแล้ว มันต้องแข่งขันกันมาก ไม้สุดท้ายที่เหลือคือไวโอลิน
     
       ช่วงคาบเกี่ยวของเหตุการณ์นั้น ไวโอลินตัวแรกที่เขาสร้างสำเร็จเป็นไวโอลินไม้ตัวสีขาว ยังไม่ผ่านการทาวานิช เขาได้ผอบหิ้วไวโอลินตัวนั้นไปที่สวนลุมไนท์บาซาร์ซึ่งตอนนั้นมีข่าวว่า นักสะสมไวโอลินชื่อดังของประเทศคนหนึ่งจะมาออกร้าน พอเขาไปถึงและยื่นไวโอลินส่งให้ นักสะสมไวโอลินคนนั้นถึงขั้นทำท่ารังเกียจ พร้อมถามกลับ ทำไวโอลินเป็นอาชีพ...คุณบ้าหรือเปล่า?
     
       “ผมบอกในฐานะที่อาจารย์เป็นผู้เชี่ยวชาญช่วยดูให้หน่อยครับ” เขาเล่าถึงเหตุการณ์วันนั้น ซึ่งส่งแรงผลักดันให้เขาต่อสู้กับคำดูถูกเหยียดหยามมาจนถึงทุกวันนี้ “จังหวะนั้นมีมือระดับประเทศประมาณ 4 - 5 คนยืนอยู่รอบๆ พอส่งให้ เขาบอก ผมไม่จับเอาไปห่างๆ แล้วคนรอบๆ ก็นั่งหัวเราะกัน เราพยายามมา 10 - 20 ปี แค่จับเขายังขยะแขยงเลย”
     
       ทว่าเมื่อกลับถึงบ้านที่โรงงานทำเฟอร์นิเจอร์กลับมีชายคนหนึ่งสะกดรอยตาม เขามา พอเช้าวันรุ่งขึ้นชายคนนั้นปรากฏตัวที่โรงงานเฟอร์นิเจอร์ซึ่งเต็มไปด้วยซาก ไวโอลินที่ทำไปทิ้งไป ชายคนนั้นรีบปลีกตัวออกมาโทรศัพท์โดยที่ปลายสายก็คือบุญญฤทธิ์นั่นเอง และสิ่งที่อนุสิทธิ์ได้รับรู้ต่อมาคือ นัดทานข้าวเย็นกับนักสะสมไวโอลินระดับประเทศที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง
     
       “เขาเป็นคนระวังตัวมากๆ ที่เขาตั้งท่ารังเกียจส่วนหนึ่งก็อาจเพราะอยู่ๆ เราก็เดินไปหาเขา เอาไวโอลินไปให้ดู จากวันนั้นเขาก็เชิญผมทานข้าวด้วย ผมไปถึงก็นั่งตัวแข็งเลย ไม่กินอะไร เพราะผมเป็นมุสลิม เขาสั่งไอ้โน่นไอ้นี่ ผมกินแต่น้ำเปล่า”
     
       นับจากวันนั้น อนุสิทธิ์ก็ได้เลื่อนชั้นจากคนแปลกหน้ามาเป็นเพื่อน ท้ายที่สุดนักสะสมไวโอลินก็เอยกับเขาว่า ผมเลือกคุณ
     
       “ผมก็งงว่า เลือกทำไมครับ เขาก็บอก ไอ้คนที่กลัวบาป กินไอ้โน่นก็บาป กินไอ้นี่ก็บาป มันโกงคนไม่เป็นหรอก เราก็งง แล้วเราไปลงทุนอะไรกับเขา เราถึงโกงเขา คือ เขาเป็นคนค่อนข้างระวังตัว แล้วเทคนิคในการปรับแต่งไวโอลินพวกนี้มันเป็นศาสตร์เฉพาะตัวที่บางทีอธิบาย แล้ว คนที่ไม่มีความรู้หรือเพิ่งจะเริ่มทำ มันไม่สามารถเดินหน้าได้ตอนนี้เขาก็เริ่มจับไวโอลินของเราแล้ว”
     
       จากนั้นนักสะสมไวโอลินก็ช่วยทาวานิชให้กับไวโอลินตัวแรกของอนุสิทธิ์ แต่มีข้อแม้ว่าต้องวางไวโอลินในร้านเขา และเขาก็ขายให้ ได้เงินเท่าไหร่ก็ให้อนุสิทธิ์ทั้งหมด ในความคิดของเขาตอนนั้น ขายได้สักตัวละ 15,000 บาทก็พออยู่พอกินไปได้แล้ว แต่ตัวแรกเขาได้ราคาถึง 35,000 บาท ตัวที่ 2 ก็ได้ราคา 35,000 บาท แต่พอขึ้นตัวที่ 3 นักสะสมไวโอลินก็ยื่นเงื่อนไข ขอส่วนแบ่ง 20 เปอร์เซ็นต์ และห้ามตั้งราคาเกิน 40,000 บาทเพราะจะไปทับไวโอลินตัวอื่นในร้าน
     
       “สรุปเบ็ดเสร็จ ผมได้ตัวละ 2 หมื่นกว่าบาท ก็ยังดี ผมอยู่ตรงนั้น 2 ปี 6 เดือน เพื่อต้องการให้เขาให้สูตรวานิช แต่เขาก็ไม่ให้ เวลา 2 ปีกับ 6 เดือน ขายไวโอลินไปได้แค่ 6 ตัว ซึ่งมันก็ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในบ้าน ลูกก็ต้องเรียนหนังสือ ต้องกู้หนี้ยืมสิน ทำไงดี เดือนมิถุนายนปี 48 ก็ขอลาอาจารย์ครับ ผมขอแยกทาง”
     
       ตอนนั้นไวโอลินหมายเลข 13 เป็นตัวสุดท้ายที่ทำเสร็จ เขาตัดสินใจขนกลับมาบ้านทั้งหมด ทว่าทันทีที่แยกตัวก็มีคนมาจองออเดอร์กันหมด เขาเริ่มขายที่ 30,000 บาท จากนั้นก็เริ่มพัฒนาฝีมือบางตัวใช้เวลา 1 ปี บางตัวใช้เวลา 6 เดือน จนถึงตอนนี้ตัวที่เร็วที่สุดใช้เวลาเพียง 3 วัน
     
       “จากนั้นก็มีกลุ่มที่โจมตีผม เพราะผมทำเองขายเองมันก็ไปขัดกับผลประโยชน์ของพวกดีลเลอร์ขายไวโอลินเจ้า อื่น แต่พอผมพิสูจน์ได้แล้ว ถึงตอนนี้ไวโอลินมันเข้าไปอยู่ในวงการ 113 ตัว เสียงที่ว่าผมก็เงียบลงแล้ว ตอนนี้สถานการณ์มันคลี่คลายแล้ว”
     
       ไวโอลินคืองานศิลปะ
     
       “โวโอลินมันเป็นเครื่องดนตรีที่มหัศจรรย์นะ แค่แขวนอยู่เฉยๆ คนเห็นมันก็มีความสุขที่ได้เห็นถึงความสวยงามของมัน รูปทรงของมัน โวโอลินมันต้องสวยงามทุกมุม” เขาเอ่ยพลางหยิบโวโอลินให้เราดู “ตัวนี้เสียงหวานเหมาะกับการเล่นเพลงไทย โวโอลินของเรา 100 ตัวที่ทำออกมา ไม่เหมือนกันสักตัว เพราะทำด้วยมือ มันเกิดจากภาวะอารมณ์ในตอนนั้นๆ ถึงได้บอกว่า โวโอลินมันคืองานศิลปะ”
     
       คุณสมบัติของนักทำโวโอลินนั้น เขาเผยว่า มี 3 ข้อด้วยกัน 1. รักโวโอลินและควรเล่นโวโอลินได้ แม้จะไม่ต้องเก่ง แต่ก็ต้องเล่นได้บ้าง 2. มีความรู้ด้านศิลปะ รูปทรง เส้นสาย และจินตนาการ 3. มีความสามารถในงานช่างไม้ชั้นดี ไม่ใช่เพียงทำเฟอร์นิเจอร์แบบติดแล้วต่อกันยังไม่สนิทก็เอาดินสอพองมาแปะ ต้องตัดไม้ได้ส่วนพอดี ทับต่อกันได้ลงล็อกไม่ขาดไม่เกิน
     
       “โวโอลินทั่วโลกนั้นสร้างตามแบบแผน ไวโอลินชื่อดังจะถูกนำมาศึกษาลอกแบบ แล้วไวโอลินก็จะถูกสร้างให้เหมือนกับต้นแบบมากที่สุด แต่ไวโอลินของเรามันสร้างจากจินตนาการ” เขาว่าพลางเลื่อนมือไปเปิดเพลงเบาๆ “ความแตกต่างของโวโอลินมันเป็นสิ่งสำคัญ เหมือนนักเล่นโวโอลิน แต่ละคนก็มีวิธีการเล่นที่แตกต่างกัน บางคนเพาเวอร์เยอะ ต้องการโวโอลินที่รองรับเพาเวอร์ของเขาได้ ถ้าโวโอลินไม่ดี รองรับอารมณ์ของผู้เล่นไม่ได้ ผู้เล่นก็อึดอัดไม่สามารถบรรเลงได้อย่างที่ต้องการ”
     
       ความแตกต่างของโวโอลินทำให้ราคามีความแตกต่างกันด้วย เขาสามารถทำตามสั่งให้ได้ แต่หลายครั้งก็ตามใจที่เอาแน่เอานอนของเขาไม่ได้ จนบางคนให้เงิน 50,000 ได้ของราคา 500,000 แต่บางคนให้เท่าไหร่เขาก็ไม่ขาย
       “อย่างน้อยๆ ที่ให้กันก็ 50,000 นะ เข้ามาจอง แล้วบอกผมง่ายๆ เลยว่า อยากได้โวโอลินดีๆ สักตัว”
     
       กับลูกค้าบางคนที่จู้จี้ อยากได้ลายไม้ ตกแต่งแปลกๆ เขายิ้มๆ พร้อมเผยว่า มักจะได้ของไม่ดีไป ความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของเขาทำให้ชายคนหนึ่งเก็บเงินซื้อโวโอลินจากเขามา นาน 2 ปี ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ซื้อของเล็กๆน้อยๆ มาฝากหลายครั้ง วันหนึ่งอยู่ๆ เขาก็หยิบเอาโวโอลินตัวละ 200,000 บาทส่งให้หน้าตาเฉย
     
       “ผมมองว่ามันเป็นงานศิลปะ การตั้งราคามันขึ้นอยู่กับตัวผมเลย อยากขายก็ขาย ไม่อยากขายก็ไม่ขาย อยากให้ก็ให้ดื้อๆ เลยก็มี”
     
       โวโอลินของเขาทุกตัวรับประกันตลอดชีวิต เขาบอกเลยว่า จนกว่าจะตายจากกันไป ด้วยสายสัมพันธ์ที่เขารู้สึกว่า คนที่มาซื้อกับเขาเองนั้น ไม่ได้กำลังคุยอยู่กับพ่อค้า แต่เป็นนักทำโวโอลิน ลูกค้าเหล่านั้นหลายครั้งเขาจึงมองเป็นลูกศิษย์
     
       และเขาจะพอใจมากกว่าหากซื้อโวโอลินของเขาแล้วนำไปเล่น ยิ่งเล่นจนฝีมือพัฒนาขึ้นเขายิ่งชอบใจ เด็กๆหลายคนที่ซื้อโวโอลินตัวละ 50,000 บาท พอผ่านไป 1 ปีกลับมาตรวจสภาพ กลับมาเล่นให้เขาดู ฝีมือดีขึ้น เมื่อเขาดูที่โวโอลินก็สามารถรู้ได้ทันว่า มันถูกจับมาเล่นบ่อยครั้ง และได้รับการดูแลอย่างทะนุถนอมแค่ไหน บ่อยครั้งเขาตรงไปที่ตู้ ขอตัวละ 50,000 บาทคืนแล้วส่งให้ตัวละ 300,000 บาทให้
     
       “บางคนเราเช็กดูแล้ว เรารู้ว่าเขาไม่ได้หยิบมันมาเล่นเลยเนี่ย เราก็ต้องดุเขาหน่อยนะ” เขาเอ่ยถึงลูกค้าราวกับเป็นครูคนหนึ่ง ไม่แปลกที่ลักษณะแบบนี้จะทำให้ลูกค้าหลายคนนับถือและเรียกเขาว่า อาจารย์ “คือถ้าไปซื้อกับร้านขายเครื่องดนตรีปกติ วันรุ่งขึ้นคุณไปซื้อข้าวมันไก่มานั่งกินกับเขา คุยกับเขา เขาไม่คุยนะ เขาจะขายของ ถ้าเป็นพ่อค้าผมก็เจ๊ง...มีที่ไหนขายของราคา170,000 ในราคา 50,000 ให้ผ่อนเดือนละ 5,000 อีก”
     
       เรสลีหมาย 81 เขาตั้งราคาไว้ที่ 170,000 แต่ขายให้เด็กคนหนึ่งไปในราคา 50,000 ผ่อนเดือนละ 5,000 วันที่ 1 พฤษภาคม 2554 เด็กคนนั้นขึ้นคอนเสิร์ตอำลาที่สถาบันปรีดี พนมยงค์เพื่อไปเรียนดนตรีต่อที่เทกซัส สหรัฐอเมริกา เด็กคนนั้นเลือกไวโอลินของเขาติดตัวไปเรียนต่อ ทิ้งโวโอลินของเยอรมัน และอิตาลีไว้ที่บ้าน ตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังจะขึ้นปีที่ 3 อายุ 21 ปีแล้ว และเล่นอยู่ในวงเซาท์เทกซัสเชมเบอร์ออร์เคสต้า (south texas chamber orchestra)
     
       “แล้ววันหนึ่งน้องเขา(เด็กหนุ่มคนนั้น)ก็ถือหมายเลข 81 เข้าไปร้านขายโวโอลินในเทกซัสกับอาจารย์คนหนึ่ง ตอนแรกเขาก็ขอลองตัวที่อยู่ตู้โชว์ซึ่งเป็นตู้ใหญ่แต่มีไวโอลินตัวเดียว ว่าง่ายๆ มันคือตัวที่แพงที่สุด ดีที่สุดในร้าน แต่เจ้าของร้านปฏิเสธเพราะเห็นว่าเป็นเอเชีย น้องบีมเลยหยิบหมายเลข 81 ขึ้นมาสี พอเห็นแบบนั้น เจ้าของร้านเลยให้ลองตัวที่ดีที่สุด แต่พอเล่นไป 2 - 3 ตัวโน้ตเท่านั้นก็วางเลยทันที อันนี้เขาโทร.เล่าให้ฟังนะ เขาบอกว่ามันห่วยมาก ตัวนั้นราคา 4,000,000 บาทของคีโมน่า แต่สู้เราไม่ได้”
     
       แล้ววันที่เราสัมภาษณ์ นักดนตรีชื่อดังคนหนึ่ง จะขึ้นคอนเสิร์ตโวโอลินโซโลโดยโดยใช้หมายเลข 109
     
       “ผมให้เขายืมแล้วจะสร้างให้เขาฟรีอีกตัว คือเราต้องการจะพลิกโฉมหน้าดนตรีคลาสสิก พลิกโฉมในที่นี้ไม่ได้มุ่งไปที่ตัวดนตรีนะ มุ่งไปในเรื่องของค่านิยมในการใช้เครื่องดนตรี ทำไมต้องอิตาลีอย่างเดียว? มันเก่งสุด หรูสุด ก็เราจะปราบอิตาลีให้ดู แล้วเราปราบมาแล้วไม่รู้กี่ลาย”
     
        จากนั้นเขาชี้ไปที่กรงนกว่างเปล่าที่แขวนอยู่ในห้องทำงานแคบหลังคาสูงของเขา พร้อมเล่าว่า จะมีคนนำนกแข่งจากใต้มาให้ ว่างเว้นจากงานโวโอลินเขาจึงทำกรงนกขึ้นมา นำเศษไม้ที่เหลือจากโวโอลินมาทำ รูปทรงสี่เหลี่ยมดูเหมือนกรงนกทั่วไป หากแต่เต็มไปด้วยความเรียบง่ายและประณีตดูไปแล้วก็ไม่ต่างจากชีวิตของเขาเลย

ที่มา: manager.co.th
สนใจ อูคูเลเล่, โวโอลิน, ตู้แอมป์ และเครื่องดนตรีอื่นๆ 
ติดต่อได้ที่บริษัท บราโวมิวสิค จำกัด 
เว็บไซต์ : http://www.bravomusic.co.th 
ที่อยู่ : 1093/4 ถนนอรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย, กรุงเทพ 10700 
โทรศัพท์ : (66) 02- 866-1152, (66) 028663251 
เบอร์มือถือ: (66) 082-824-6699 
แฟ๊กซ์. : (66) 02- 866-0694 
อีเมล์ : bravo@bravomusic.co.th
 

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ไวโอลิน: ไวโอลิน แพงที่สุดในโลก ( Lady Tennant is most expensive violin )


Lady Tennant เป็นโวโอลินที่สร้างโดย Antonio Stradivari และได้มีการประมูลโดยสถาบัน Christie ไปด้วยราคา 71,120,000 บาท ( 2,032,000 เหรียญสหรัฐ ) ผู้ประมูลได้ที่ไม่ประสงค์จะออกนาม ได้ให้นักโวโอลิน นามว่า Yang Liu ยืมใช้อย่างไม่มีกำหนด โดย Yang Liu กล่าวว่าเสียงของ Lady Tennant นั้นน้ำเสียงที่โปร่งและกังวาน เสียงใหญ่แต่ไม่กระด้าง Liu ยังกล่าวต่อไปว่า น้ำเสียงของมันคล้ายกับนักร้องที่เก่งๆ ดูสบายๆ แต่มีความหนักแน่นอยู่ในเนื้อเสียง

เกร็ด Yang Liu หมุ่มผู้โชคดีคนนี้คือใคร ?
Liu เกิดเมื่อปี 1976 ที่เมือง Qingdao ประเทศจีน พออายุได้ 9 ขวบเขาได้รับการคัดเลือกให้เข้าศึกษายังสถาบันการดนตรี Central Conservatory of Music ที่เมืองปักกิ่ง และได้รับเชิญให้เดี่ยวโวโอลินบทเพลง Zigeunerweisen ของ Pablo de Sarasate ร่วมกับวง NHK Orchestra ที่กรุงโตเกียวเมื่ออายุได้เพียง 10 ขวบเท่านั้น และเดินได้ทางไปศึกษาต่อยังสหรัฐอเมริกาเมื่อ 6 ปีที่แล้วเพื่อศึกษาด้านโวโอลินกับ Kurt Sassmannshaus และ Dorothy DeLay และเขายังเป็นผู้ชนะเลิศการเเข่งขันโวโอลินในรายการ International Tchaikovsky Competition ปี 2002 ปัจจุบันเขาพำนักอยู่ในชิคาโก ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านโวโอลินที่สถาบัน College of Performing Arts ของมหาวิทยาลัย Roosevelt University

ประวัติ ของ Lady Tennant
History of Lady Tennant ตามประวัติที่มีการบันทึกไว้กล่าวว่าผู้ที่เป็นเจ้าของโวโอลินตัวนี้ คนแรกๆ คือ Charles Philippe Lafont นักโวโอลินร่วมสมัยเดียวกับ Paganini ต่อมาในปี 1900 โวโอลินตัวนี้ถูกขายให้กับนักอุตสาหกรรมและนักการเงินชาวสก็อต Sir. Charles Tennant เพื่อมอบให้กับภรรยาของท่านและนั้นก็เป็นที่มาของชื่อ Lady Tennant จากการทดสอบด้วยกระบวนการ Dendrochronology เป็นที่ยืนยันว่าวงปีในเนื้อไม้นั้นตรงกับโวโอลินตัวอื่นๆ ที่สร้างโดย Stradivari
ที่มา violin.mo54.com
สนใจ อูคูเลเล่, โวโอลิน, ตู้แอมป์ และเครื่องดนตรีอื่นๆ 
ติดต่อได้ที่บริษัท บราโวมิวสิค จำกัด 
เว็บไซต์ : http://www.bravomusic.co.th 
ที่อยู่ : 1093/4 ถนนอรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย, กรุงเทพ 10700 
โทรศัพท์ : (66) 02- 866-1152, (66) 028663251 
เบอร์มือถือ: (66) 082-824-6699 
แฟ๊กซ์. : (66) 02- 866-0694 
อีเมล์ : bravo@bravomusic.co.th

ไวโอลิน: Maxim Vengerov (แมกซิม เวนเกร็อฟ) นักไวโอลินแห่งยุค

            Maxim Vengerov  (แมกซิม เวนเกร็อฟ) ได้รับฉายาว่าเป็น “นักโวโอลินที่เล่นได้ตื่นเต้นเร้าใจที่สุดในโลก” ด้วยอายุเพียง ๓๓ ปี (เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๗๔)

            เขาเป็นนักดนตรีคลาสสิกคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นทูต ทางดนตรีให้กับองค์กร UNICEF เพื่อเล่นดนตรีให้กับเด็กด้อยโอกาส เช่นประเทศ อูกานดา (Uganda) และมาแสดงส่วนตัว ให้กับสถานดูแลเด็กติดยาเสพติดที่ประเทศไทยเพื่อหาทุน สนับสนุนโครงการต่างๆให้กับองค์กร UNICEF

            นอกจากการแสดงคอนเสิร์ตทั่วโลกแล้ว ปัจจุบันแมกซิม เวนเกร็อฟ ยังเป็นอาจารย์สอนโวโอลินที่ The University of Music Saarland ประเทศเยอรมัน และที่ The Royal Academy of Music of London ประเทศอังกฤษ

            บทเพลงที่แมกซิม เลือกมาบรรเลงกับวงดุริยางค์ฟิลฮาร์โมนิค แห่งประเทศไทยในครั้งนี้ คือ บทเพลง การบรรเลงเดี่ยว โวโอลินคอนแชร์โต ของดุริยกวี ปีเตอร์ ไชคอฟกี้ ( Peter I.
Tchaikovsky' Violin Concerto)
ดุริยกวีชาวรัสเซียซึ่งนับเป็น บทเพลงสำหรับการบรรเลงเดียวโวโอลินที่ดีที่สุดที่เต็มไปด้วย อารมณ์ และเทคนิค
ที่มา: thaiticketmajor
สนใจ อูคูเลเล่, โวโอลิน, ตู้แอมป์ และเครื่องดนตรีอื่นๆ 
ติดต่อได้ที่บริษัท บราโวมิวสิค จำกัด 
เว็บไซต์ : http://www.bravomusic.co.th 
ที่อยู่ : 1093/4 ถนนอรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย, กรุงเทพ 10700 
โทรศัพท์ : (66) 02- 866-1152, (66) 028663251 
เบอร์มือถือ: (66) 082-824-6699 
แฟ๊กซ์. : (66) 02- 866-0694 
อีเมล์ : bravo@bravomusic.co.th

วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ไวโอลิน: ไวโอลินเทคนิค "son filé"

son filé มาจากภาษาฝรั่งเศส เป็น musical term บ่งบอกถึงการเล่นโน้ต "ตัวเดียว" ยาาาว ๆ ๆ... ซึ่งลำพังแค่เล่นให้จบโน้ตคงไม่ยากเท่าไหร่ แต่มันจะยากขึ้นหากต้องคำนึงถึงความต้องการอื่น ๆ เช่น
- projection
- dynamics
- texture
อื่น ๆ

เพื่อให้ได้เสียงของโวโอลินยาววว ๆ ที่มีคุณภาพตามต้องการ จึงมีการคิดค้นวิธีการฝึกมาหลากหลายครับ เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เช่น
- ฝึกสีโวโอลินบนสันหย่อง เพื่อแก้ไขเรื่องโบวเด้ง ลางโบวไม่ตรง ความเร็วไม่ต่อเนื่อง เสียงไม่ต่อเนื่อง ฯลฯ

- ฝึกสีสายโวโอลินเปล่ายาว ๆ เพื่อปรับปรุงฟังก์ชั่นการใช้งานของนิ้วมือขวา และfeeling ในการควบคุมคันชัก
- ฝึกสีโวโอลินยาว ๆ โดยกดโน้ตไว้ 1 ตัว ขั้นแรก non-vibrato ก่อน เมื่อเสียงนิ่งดีแล้วก็ใส่ vibrato เพื่อปรับปรุงเรื่อง projection และการประสานงานกันของมือทั้งสองข้างเพื่อให้ได้โทนที่ดีที่สุดออกมา

เรา คงคุ้นตากับคำว่า legato และ détaché มากกว่า ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้าจะให้ครบองค์ประชุมของ long stroke bowing ต้องพูดถึง son filé ด้วยครับ ศัพท์ทั้งสามตัวสร้างมาจากพื้นฐานเดียวกัน แต่ต่างกันในเชิงการใช้งาน โดยหลัก ๆ คือ
son filé - ใช้เรียกโทนยาวของโน้ตตัวเดียว
legato - ใช้เรียกโทนยาวของโน้ตหลายตัวในโบวเดียว
détaché - เป็นโทนยาวของโน้ตหลายตัวแยกโบวกัน

ในขั้น primary ก็ฝึกเหมือนกัน แต่พอจะให้ได้โทนแต่ละลักษณะออกมาชัด ๆ (secondary) ก็จะมีเทคนิคการฝึกเฉพาะแยกออกไปครับ
ยกตัวอย่างในเพลงที่คุ้นเคยกัน เช่น โน้ตตัวแรกใน Bruch Violin Concerto No.1 in g mov.1
ที่มา violin.mo54.com
สนใจ อูคูเลเล่, โวโอลิน, ตู้แอมป์ และเครื่องดนตรีอื่นๆ 
ติดต่อได้ที่ 
บริษัท บราโวมิวสิค จำกัด 
เว็บไซต์ : http://www.bravomusic.co.th 
ที่อยู่ : 1093/4 ถนนอรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย, กรุงเทพ 10700 
โทรศัพท์ : (66) 02- 866-1152, (66) 028663251 
เบอร์มือถือ: (66) 082-824-6699 
แฟ๊กซ์. : (66) 02- 866-0694 
อีเมล์ : bravo@bravomusic.co.th

ไวโอลิน: เทคนิคการเล่นไวโอลินให้เพราะ

โวโอลินเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นให้เพราะยากครับขี้จุกจิกเริ่องมาก ขี้บ่น ขี้วีน เป็นที่หนึ่ง ในคลิปเป็นเพลง por una cabeza จากเรื่อง scent of the woman เป็นเพลงจังหวะแทงโก้ฟังแล้วรู้สึกร้อนแรง ถูกโพสโดย login ชื่อ"ครูอนุบาล"ในเว็ป 30violin.pantown เป็นคลิปที่สีไม่ค่อยเพราะเท่าไหรฟังแล้วปวดกระบาลแต่ไม่เป็นไรครับเพราะทุก คนที่หัดเล่นดนตรีต้องผ่านจุดนี้มาก่อนทั้งนั้น

login ชื่อ OVM ได้วิเคราะห์ว่าสาเหตุที่ฟังไม่เพราะน่าจะมาจาก
ขอตอบจากที่พอรู้บ้าง จากการสังเกตุบ้าง ดังนี้

๑. จังหวะจะโคน ไม่ค่อยดี
๒. ความหนักเบา (dynamic) ของเสียง ไม่ดี
๓. ความชัดเจนของเสียงแต่ละโน้ต (intonation) ไม่ค่อยดี
๔. โวโอลินเสียงไม่ดี หรืออคูสติคของห้อง หรือระบบบันทึกและเล่นกลับของระบบเสียง อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ดี หรือรวมๆกันแล้วไม่ดี
๔. ผู้เล่นต้องปรับพื้นฐานใหม่ คงจะรีบเล่นให้เป็นเร็วเกินไป

login ชื่อ Abraxas ก็ได้เสนอวิธีการแก้ปัญหา จังหวะ ส่วนโน๊ต เสียงเพี้ยน การเน้นจังหวะ และไดนามิคไว้ว่า

ตอนแรกที่ฟังผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำครับ ขอวิจารณ์ละกันครับเผื่อจะมีประโยชน์บ้าง

อย่างแรกครับ จังหวะเค้าไม่ตรงครับ ไม่ได้หมายความว่าจังหวะต้องคงที่ตลอดเวลาแต่เนื่องจากดนตรีคลาสสิคเป็น ดนตรีแห่งเหตุผล (อย่างน้อยผมก็คิดเช่นนั้น) การจะทำอะไรกับจังหวะต้องมีเหตุผลเสมอ มันเกี่ยวพันถึง "ประโยค"ในเพลงด้วยครับการแก้ปัญหาในจุดนี้ให้เล่นกับเมโทรโนมครับ เริ่มจากช้า เพิ่มไปทีละห้าบีท จนถึงความเร็วจริง

ต่อมาเขาเล่นส่วน โน๊ตไม่ถูกต้องครับ อาการนี้จะเป็นเยอะในคนที่ฟังแล้วเล่นตามเพราะเอาเข้าจริง ๆ เล่นไม่ได้อย่างที่ฟังมา อย่างติดขัดเรื่องเทคนิคต่าง ๆ (ในวีดีโอชัดที่สุดคือ Shifting) พอติดขัดก็ช้าลง ถ้าโน๊ตเร็วเล่นไม่ได้ก็เร่ง(อันนี้สากลมาก โน๊ตสั้นชอบเร่ง) การแก้ปัญหาจุดนี้ต้องเล่นไปทีละห้องของโวโอลินครับ คือแก้ทีละห้องให้ถูกก่อนแล้วค่อยเอามาต่อกัน

ต่อมาปัญหาเรื่อง เพี้ยนครับ จริง ๆ แล้วเพี้ยนไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ถ้าจะให้คนเพิ่งเริ่มเล่นทุกคนเล่นไม่เพี้ยนเลยคงเป็นไปได้ยากแต่ไม่ได้หมาย ความว่าจะไม่ใส่ใจเสียเลยวิธีการแก้ก็คลาสสิคมากครับ ไล่สเกลแล้วเช็คไปด้วย ใหม่ ๆ อาจน่ารำคาญบ้าง(มาก)แต่ถ้าชินแล้วมีประโยชน์มากครับ คนอื่นอาจไม่แน่ใจว่าเล่นตรงรึเปล่า แต่เราไล่เช็คได้เลย แนะนำให้เช็คฮาโมนิค กับคู่แปดสายล่างให้ได้ครับ คู่สามกับคู่หกมันมีอะไรที่ลึกกว่านั้น คือธรรมชาติเครื่องมันซับซ้อนขอไม่อธิบายครับ แต่สรุปง่าย ๆ ว่าคู่สามกับคู่หกถ้าเทียบตรงแล้วมันไม่กลืนกันก็ไม่ต้องตกใจครับ เครื่องไม่ได้เสีย

ความจริงอันที่สี่ควรเป็นไดนามิค แต่เพราะเพลงนี้เป็นแทงโก้ พัลซ์เลยดูจะน่าพูดถึงกว่าครับ ผมเชื่อว่าเราทุกคนเคยเล่น Minuet มากันนะครับ มินูเอทเป็นเพลงเต้นรำ 3/4 พัลซ์อยู่ที่เฟิร์สบีท ดังนั้นเราต้อง "ให้ความสำคัญ" กับเฟิร์สบีทถ้าเราเล่นโน๊ตทุกตัวเท่ากันหมด จะเริ่มฟังไม่เหมือนเพลงเต้นรำ ก็เพราะไม่มี pulse นั่นแหละครับ

ไดนามิคไม่มีเหตุผลครับ เหมือนทุกอย่างของเพลงคลาสสิค ถ้าไม่ควบคุมก็สื่อออกมาไม่ได้ส่วนที่เป็นแคนทาบิเล่เลยไม่มีทิศทางเลยว่า ตรงไหนเป็นไคลแมกซ์แคนทาบิเล่ก็คือเล่นเหมือนคนร้องน่ะแหละครับแล้วยังมีอีก เยอะครับแต่ไม่ขอพูดถึง เพราะผมก็ฟังไม่ได้จบหรอกครับ

ยังไงก็ตาม ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีเลยครับ จะได้เห็นปัญหาและเปิดโอกาสให้มองถึงวิธีแก้ไข
ที่มา: violin.mo54.com
สนใจ อูคูเลเล่, โวโอลิน, ตู้แอมป์ และเครื่องดนตรีอื่นๆ 
ติดต่อได้ที่ 
บริษัท บราโวมิวสิค จำกัด 
เว็บไซต์ : http://www.bravomusic.co.th 
ที่อยู่ : 1093/4 ถนนอรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย, กรุงเทพ 10700 
โทรศัพท์ : (66) 02- 866-1152, (66) 028663251 
เบอร์มือถือ: (66) 082-824-6699 
แฟ๊กซ์. : (66) 02- 866-0694 
อีเมล์ : bravo@bravomusic.co.th

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ไวโอลิน: ไวโอลินจากเรือไททานิค (2)

การทดสอบไวโอลินด้วยวิธี CT scan ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง


Wallace Hartley หัวหน้าวงดนตรีประจำเรือไททานิค
 
รอยแตกที่เกิดจากน้ำทะเลเป็นแนวยาว 2 จุดใต้ช่องเสียง (f-hole)
 
หลักฐานชิ้นสำคัญเป็นแผ่นเงินที่ติดบนหางปลาไวโอลิน มีสลักข้อความว่า “แด่ Wallace เนื่องในโอกาสการหมั้นของเรา จาก Maria”
 
ของใช้ส่วนตัวของ Hartley ประกอบด้วยกล่องใส่บุหรี่ทำจากเงิน กรรไกร และแหวนตราทองคำที่ถูกส่งคืนให้กับ Albion Hartley พ่อของเขา

Daniel Allen Butler นักประวัติศาสตร์การเดินเรือและการทหาร และผู้เชี่ยวชาญเรื่องเรือไททานิค เป็นผู้ที่แสดงความเห็นคัดค้านมาตั้งแต่ต้น เขาไม่เชื่อว่าไวโอลินที่ค้นพบจะเป็นไวโอลินที่จมไปพร้อมกับเรือไททานิค โดยเขาได้ทำการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญการทำไวโอลิน 3 คนเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ สถาบันประมูล Henry Aldridge & Son มีคามเชื่อว่าไวโอลินคันนี้ถูกเล่นโดย Wallace Hartley บนเรือไททานิคก่อนที่มันจะจมลง และตัวไวโอลินกำลังจะถูกนำออกประมูลขายในเร็วๆ นี้ ซึ่ง Butler ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง Andrew Aldridge แห่งสถาบันประมูล Henry Aldridge & Son โดยตั้งข้อสงสัยถึงผู้ที่ทำการทดสอบและกระบวนการทดสอบมีความน่าเชื่อถือได้ มากน้อยแค่ไหน

Butler ได้ทำการค้นหาความจริงของเขาต่อไป โดยสัมภาษณ์ช่างทำไวโอลินที่มีความเชี่ยวชาญ 3 คน ประกอบด้วย Timothy Jansma , Steve Reiley แห่ง Guarneri House และ Ken Amundson แห่ง Amundson Violin of St. Paul ซึ่งทั้ง 3 คนให้มีความเห็นตรงกันในการความสำคัญกับปฏิกริยาที่จะเกิดขึ้นกับตัวไวโอลิน ที่ถูกนำขึ้นมาจากท้องทะเล แม้ว่าจะจมอยู่ในท้องทะเลไม่นานนักก็ตาม แต่ก็ควรจะมีร่องรอยของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวไวโอลินให้เห็นในลักษณะ ที่เรียกว่า “Fogging” เป็นคราบสีเทาๆ บนผิวไวโอลินที่ต้องสัมผัสกับน้ำทะเล ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 คนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การที่ไวโอลินได้รับความชื้นจากมหาสมุทรแอตแลนติกนานถึง 10 วันนั้น นอกจากจะเกิดปฏิกริยาต่างๆ แล้ว ย่อมจะส่งผลให้กาวที่ยึดติดไวโอลินหลุดร่อนออกและเปลี่ยนสภาพเป็นของเหลว ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 คนต่างฟันธงว่าไวโอลินที่สถาบัน Henry Aldridge & Son นำมาแสดงนั้น ไม่น่าจะใช่ไวโอลินของ Hartley นอกจากนั้น พวกเขายังมั่นใจว่า ไม่มีไวโอลินที่ทำในราวๆ ปี 1900 หรือแม้แต่ในปัจจุบันที่จะหลงรอดมาได้ถ้าต้องเผชิญกับสภาวการณ์แบบนั้น

Amundson ยังได้กล่าวสรุปและชี้แจงเหตุผลต่างๆ ที่เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์กว่า 60 ปีเอาไว้ว่า ไวโอลินที่ทาง Henry Aldridge & Son นำมาแสดงในรูปนั้น ไม่ใช่องจริง ในแต่ละปีๆ นั้น เขามีโอกาสได้เห็นรูปไวโอลินมากมาย ทั้งที่นำมาให้ดูเพื่อประเมินสภาพและตีราคา ซึ่งเป็นงานในอาชีพของเขาอยู่แล้ว เขาได้เห็นความน่าจะเป็นทุกอย่างที่อาจจะเกิดกับไวโอลินได้ ทั้งไวโอลินที่ถูกรถทับ และบ่อยครั้งที่เป็นไวโอลินที่จมน้ำ หรือถูกเก็บไว้ในที่อับชื้น ห้องใต้ดินหรือห้องเก็บของแบบควบคุมอุณภูมิ ซึ่งมักจะมาในสภาพที่กาวหลุดร่อนตามตะเข็บรอยต่อ พัฒนาการการทำไวโอลินที่ผ่านมาหลายร้อยปีนั้น ช่างส่วนใหญ่จะใช้กาวหนังสัตว์โดยเฉพาะหนังม้า ที่คืนสภาพเป็นของเหลวได้ง่ายมาก ไวโอลินคันนี้มีประวัติศาสตร์ในตัวของมันเอง ซึ่งตามความเห็นของ Amundson แล้ว มันเป็นไวโอลินที่มีลายไม้กว้างตามแบบไวโอลินเยอรมัน แต่มันถูกสร้างขึ้นมาเมื่อใดนั้นยังเป็นคำถามอยู่ ตัวไวโอลินแสดงถึงทักษะการแกะสลักและงานช่างที่ไม่ชำนาญ ร้านไวโอลินทุกร้าน จะมีไวโอลินแบบนี้แค่ 2-3 คันวางขายอยู่ ซึ่งบางทีทางร้านเองก็ไม่อยากนำออกมาวางขายหน้าร้านเพราะไม่อยากเสียชื่อ เสียงที่สั่งสมมา นักไวโอลินระดับ Wallace Hartley ก็น่าจะใช้ไวโอลินอิตาเลียนหรือฝรั่งเศสชั้นดีมากกว่า หรืออย่างน้อยก็ควรเป็นไวโอลินเยอรมันที่เกรดดีกว่านี้ สายรัดกล่องไวโอลินน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยทำให้กล่องไวโอลินปิดอยู่ได้ แต่กล่องไวโอลินไม่เคยทำมายาวเพียงพอที่จะพันรอบตัวผู้ชายซักคนได้ ตัวกล่องไวโอลินไม่ใช่ชนิดกันน้ำ การจมอยู่ในน้ำเพียง 3 - 4 ช.ม. เท่านั้น ตัวไวโอลินก็จะแยกออกจากการเป็นชิ้นๆ ไม่สามารถยึดติดกันในสภาพเดิมได้เลย ดังนั้นไวโอลินที่อ้างว่าเป็นของ Hartley ตามที่เห็นอยู่ในภาพ จะต้องใช้เวลานานถึง 100 ช.ม. ในการติดกาวใหม่ ปรับแต่งใหม่ และประกอบกลับเข้าไปเป็นไวโอลินดังเดิม คำถามก็คือ ใครเป็นคนทำ ทำไมถึงไม่มีชื่อของเขาปรากฎอยู่ในสารบบช่างทำไวโอลิน

Amundson เชื่อว่าไวโอลินคันนี้เคยอยู่ในครอบครองของ Hartley ในช่วงระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่ง ที่มีคนพิเศษในชีวิตเขามอบให้เป็นของขวัญ แต่ไม่ใช่ไวโอลินคันที่ลอยคลออยู่ในน้ำทะเลนานถึง 10 วันแน่ๆ เขาคงรับไวโอลินคันนี้มาในฐานะของขวัญแต่เก็บเอาไว้ที่บ้าน ซึ่งคนที่บ้านคงปล่อยให้เก่าไปตามกาลเวลา หลังจากนั้นคงเปลี่ยนมือหรือถูกขายโดยที่ไม่มีใครรู้ค่าของมัน และนักไวโอลินอย่างเขาคงไม่ปล่อยให้ใครเอาแผ่นโลหะไปติดบนหางปลาไวโอลินที่ ตนใช้อยู่เป็นประจำ เพราะจะทำให้คุณภาพเสียงลดลง ซึ่งนักไวโอลินอย่างเขาย่อมทราบเรื่องนี้ดี และเขาย่อมจะเลือกใช้ไวโอลินตัวที่โปรดปรานที่สุด เป็นไวโอลินคุณภาพดี ไม่ใช่ไวโอลินคุณภาพธรรมดาอย่างที่เห็นในรูปถ่าย และลองคิดดูว่าถ้าคุณจมน้ำและรู้ตัวว่ากำลังจะตายแน่ๆ คุณจะผูกไวโอลินไว้กับตัวหรือไม่
 ที่มาเว็บไซต์ siamviolin

ไวโอลิน: ไวโอลินจากเรือไททานิค (1)

 
ไวโอลินที่เชื่อกันว่าเป็นของหัวหน้าวงดนตรีประจำเรือไททานิคที่จมลงสู่ใต้ ท้องทะเลได้รับการยืนยันว่าเป็นของแท้ หลังจากที่ผ่านกระบวนการทดสอบด้วยวิธี CT scan ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง Andrew Aldridge จากสถาบันประมูล Henry Aldridge & Son กล่าวว่า การสแกนช่วยยืนยันว่าไวโอลินเป็นของแท้อย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ อีก นักรังสีวิทยาที่โรงพยาบาล BMI Ridgeway Hospital เมือง Wiltshire ได้ถ่ายภาพไวโอลินแบบ 3 มิติเพื่อทดสอบภายในตัวไวโอลิน ซึ่งเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานานกว่า 7 ปี

Wallace Hartley เป็นหัวหน้าวงดนตรีประจำเรือ เขามาจากเมือง Colne ในแถบ Lancashire ซึ่งวงของเขามีชื่อเสียงจากการบรรเลงในวาระสุดท้ายของเรือเดินสมุทรที่จมใน มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือตั้งแต่การเดินทางครั้งแรกของมัน โดยเรือไททานิคออกเดินทางจากเมืองเซาท์แธมตันเมื่อวันที่ 10 เมษายน 1912 และจมลงสู่ก้นท้องทะเลในวันที่ 15 เมษายนปีเดียวกัน ซึ่ง Hartley เป็นหนึ่งในผู้โดยสารจำนวน 1,517 ที่เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ เขาเสียชีวิตในขณะที่มีอายุ 34 ปี Astrid Little หัวหน้าฝ่ายภาพถ่ายของโรงพยาบาลกล่าวว่า “การสแกนเผยข้อเท็จจริงให้ทราบว่าเนื้อไม้มีรอยแตก และมีร่องรอยที่บ่งบอกว่าอาจเคยผ่านการซ่อมมาก่อน”

คราบน้ำทะเล
Little กล่าวว่า “รายละเอียดของภาพสแกนทำให้สถาบันประมูลสามารถตรวจสอบโครงสร้างภายในได้ รวมทั้งกาวที่ยึดติดไวโอลินเอาไว้ด้วยกัน การสแกนยังช่วยตรวจสอบความแท้ของเครื่องดนตรี เราภูมิใจที่มีส่วนในการพิสูจน์ความจริงของไวโอลินคันนี้ และรู้สึกเป็นเกียรติที่มีของสะสมที่หายากเช่นนี้ในแผนกของเรา”

ใน ปี 2006 ทางร้าน Henry Aldridge & Son ที่มีความเชี่ยวชาญด้านข้าวของเครื่องใช้จากเรือไททานิคได้พบกับเจ้าของ ไวโอลินคนหนึ่งที่ต้องการจะขายไวโอลินคันนี้ แต่ทางสถาบันจะต้องพิสูจน์ความแท้ของมันเสียก่อน กว่า 7 ปีที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญหลายคนพยายามที่จะทำการทดสอบไวโอลิน รวมทั้งบรรณารักษ์หนังสือพิมพ์ ผู้เชี่ยวชาญอัญมณี และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบคราบน้ำทะเลที่ตกค้างอยู่ในตัวไวโอลิน โดยสถาบันประมูลจะประกาศผลการพิสูจน์ของไวโอลินในเดือนมีนาคม 2013 แต่กล่าวว่ากระบวนการ CT scan จะเป็นเครื่องยืนยันในขั้นสุดท้าย Aldridge กล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวไวโอลินอยู่ในกล่องหนังแบบ ‘Gladstone’ ที่แข็งแรงทนทาน ตัวไวโอลินจึงอาจมีโอกาสที่จะสัมผัสกับน้ำได้ แต่ก็ถูกป้องกันไว้ด้วยกล่องหนังที่ห่อหุ้มไวโอลินอยู่ ตัวไวโอลินถูกยึดเข้าด้วยกันด้วยกาวหนังสัตว์ ซึ่งจะละลายตัวเมื่อถูกความร้อน แต่จะไม่ละลายเมื่อถูกความเย็น

การจัดแสดงในสหรัฐอเมริกา
Aldridge กล่าวว่า "แผ่นเงินสลักข้อความที่ทำจากเงินแท้บนหางปลาไวโอลินและข้าวของอื่นๆ ที่บ่งชี้ว่าเป็นไวโอลินไททานิคของแท้ หรือเป็นแค่เรื่องลวงโลกที่แนบเนียนมาก ดังนั้นเราจึงต้องอาศัยการค้นคว้าและว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญให้ถูกคน เราใช้เวลาในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาในการรวบรวมเอกสารและหลักฐานต่างๆ ซึ่งเรามั่นใจอย่างมากว่านี่คือไวโอลินของ Wallace Hartley อย่างแน่นอน"

ร่างอันไร้วิญญาณของ Hartley ถูกนำขึ้นมาจากน้ำประมาณ 10 วันหลังจากที่เรือจม แต่ตัวไวโอลินไม่ได้อยู่ในรายการสิ่งของที่ถูกค้นพบพร้อมกับร่างของเขา แต่มีการอ้างว่าตัวไวโอลินอยู่รอดปลอดภัยอยู่ในกล่องหนังที่รัดอยู่กับร่าง ของ Hartley ที่ลอยหงายอยู่ในเสื้อชูชีพที่ทำจากผ้าลินินและไม้คอร์ก ในสมุดบันทึกประจำวันที่เขียนโดย Maria Robinson คู่หมั้นของเขากล่าวว่า ไวโอลินถูกนำขึ้นมาจากน้ำในปี 1912 และถูกส่งกลับมาสู่มือของเธอ หลังจากที่ Robinson ถึงแก่กรรมในปี 1939 ไวโอลินถูกมอบให้กับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกท้องถิ่นที่บ้านเกิดของเธอ และต่อมาได้เปลี่ยนมือไปอยู่กับแม่ของเจ้าของคนปัจจุบันในช่วงทศวรรษที่ 1940

ในที่สุดไวโอลินคันนี้ก็ผ่านการพิสูจน์ความจริงอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นจะถูกนำไปแสดงที่สหรัฐในเดือนมีนาคม 2013 ก่อนจะถูกนำออกประมูลต่อไป ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าไวโอลินคันนี้จะมีมูลค่าจากการประมูลสูงถึง 6 หลักเลยทีเดียว ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Daniel Allen นักประวัติศาสตร์การเดินเรือได้กล่าวว่า ไวโอลินคันนี้ไม่น่าจะถูกค้นพบมาจากซากเรือที่จม เพราะถ้าเป็นไวโอลินของแท้จะแยกออกเป็นชิ้นๆ ทันทีที่มันถูกนำขึ้นจากมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ และหลังจากนั้นไม่นานเนื้อไม้จะสูญเสียความแวววาวและรูปทรงของมันไป
ที่มา siamviolin