การทดสอบไวโอลินด้วยวิธี CT scan ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
Wallace Hartley หัวหน้าวงดนตรีประจำเรือไททานิค
รอยแตกที่เกิดจากน้ำทะเลเป็นแนวยาว 2 จุดใต้ช่องเสียง (f-hole)
หลักฐานชิ้นสำคัญเป็นแผ่นเงินที่ติดบนหางปลาไวโอลิน มีสลักข้อความว่า “แด่ Wallace เนื่องในโอกาสการหมั้นของเรา จาก Maria”
ของใช้ส่วนตัวของ Hartley ประกอบด้วยกล่องใส่บุหรี่ทำจากเงิน กรรไกร และแหวนตราทองคำที่ถูกส่งคืนให้กับ Albion Hartley พ่อของเขา
Daniel Allen Butler นักประวัติศาสตร์การเดินเรือและการทหาร และผู้เชี่ยวชาญเรื่องเรือไททานิค เป็นผู้ที่แสดงความเห็นคัดค้านมาตั้งแต่ต้น เขาไม่เชื่อว่าไวโอลินที่ค้นพบจะเป็นไวโอลินที่จมไปพร้อมกับเรือไททานิค โดยเขาได้ทำการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญการทำไวโอลิน 3 คนเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ สถาบันประมูล Henry Aldridge & Son มีคามเชื่อว่าไวโอลินคันนี้ถูกเล่นโดย Wallace Hartley บนเรือไททานิคก่อนที่มันจะจมลง และตัวไวโอลินกำลังจะถูกนำออกประมูลขายในเร็วๆ นี้ ซึ่ง Butler ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง Andrew Aldridge แห่งสถาบันประมูล Henry Aldridge & Son โดยตั้งข้อสงสัยถึงผู้ที่ทำการทดสอบและกระบวนการทดสอบมีความน่าเชื่อถือได้ มากน้อยแค่ไหน
Butler ได้ทำการค้นหาความจริงของเขาต่อไป โดยสัมภาษณ์ช่างทำไวโอลินที่มีความเชี่ยวชาญ 3 คน ประกอบด้วย Timothy Jansma , Steve Reiley แห่ง Guarneri House และ Ken Amundson แห่ง Amundson Violin of St. Paul ซึ่งทั้ง 3 คนให้มีความเห็นตรงกันในการความสำคัญกับปฏิกริยาที่จะเกิดขึ้นกับตัวไวโอลิน ที่ถูกนำขึ้นมาจากท้องทะเล แม้ว่าจะจมอยู่ในท้องทะเลไม่นานนักก็ตาม แต่ก็ควรจะมีร่องรอยของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวไวโอลินให้เห็นในลักษณะ ที่เรียกว่า “Fogging” เป็นคราบสีเทาๆ บนผิวไวโอลินที่ต้องสัมผัสกับน้ำทะเล ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 คนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การที่ไวโอลินได้รับความชื้นจากมหาสมุทรแอตแลนติกนานถึง 10 วันนั้น นอกจากจะเกิดปฏิกริยาต่างๆ แล้ว ย่อมจะส่งผลให้กาวที่ยึดติดไวโอลินหลุดร่อนออกและเปลี่ยนสภาพเป็นของเหลว ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 คนต่างฟันธงว่าไวโอลินที่สถาบัน Henry Aldridge & Son นำมาแสดงนั้น ไม่น่าจะใช่ไวโอลินของ Hartley นอกจากนั้น พวกเขายังมั่นใจว่า ไม่มีไวโอลินที่ทำในราวๆ ปี 1900 หรือแม้แต่ในปัจจุบันที่จะหลงรอดมาได้ถ้าต้องเผชิญกับสภาวการณ์แบบนั้น
Amundson ยังได้กล่าวสรุปและชี้แจงเหตุผลต่างๆ ที่เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์กว่า 60 ปีเอาไว้ว่า ไวโอลินที่ทาง Henry Aldridge & Son นำมาแสดงในรูปนั้น ไม่ใช่องจริง ในแต่ละปีๆ นั้น เขามีโอกาสได้เห็นรูปไวโอลินมากมาย ทั้งที่นำมาให้ดูเพื่อประเมินสภาพและตีราคา ซึ่งเป็นงานในอาชีพของเขาอยู่แล้ว เขาได้เห็นความน่าจะเป็นทุกอย่างที่อาจจะเกิดกับไวโอลินได้ ทั้งไวโอลินที่ถูกรถทับ และบ่อยครั้งที่เป็นไวโอลินที่จมน้ำ หรือถูกเก็บไว้ในที่อับชื้น ห้องใต้ดินหรือห้องเก็บของแบบควบคุมอุณภูมิ ซึ่งมักจะมาในสภาพที่กาวหลุดร่อนตามตะเข็บรอยต่อ พัฒนาการการทำไวโอลินที่ผ่านมาหลายร้อยปีนั้น ช่างส่วนใหญ่จะใช้กาวหนังสัตว์โดยเฉพาะหนังม้า ที่คืนสภาพเป็นของเหลวได้ง่ายมาก ไวโอลินคันนี้มีประวัติศาสตร์ในตัวของมันเอง ซึ่งตามความเห็นของ Amundson แล้ว มันเป็นไวโอลินที่มีลายไม้กว้างตามแบบไวโอลินเยอรมัน แต่มันถูกสร้างขึ้นมาเมื่อใดนั้นยังเป็นคำถามอยู่ ตัวไวโอลินแสดงถึงทักษะการแกะสลักและงานช่างที่ไม่ชำนาญ ร้านไวโอลินทุกร้าน จะมีไวโอลินแบบนี้แค่ 2-3 คันวางขายอยู่ ซึ่งบางทีทางร้านเองก็ไม่อยากนำออกมาวางขายหน้าร้านเพราะไม่อยากเสียชื่อ เสียงที่สั่งสมมา นักไวโอลินระดับ Wallace Hartley ก็น่าจะใช้ไวโอลินอิตาเลียนหรือฝรั่งเศสชั้นดีมากกว่า หรืออย่างน้อยก็ควรเป็นไวโอลินเยอรมันที่เกรดดีกว่านี้ สายรัดกล่องไวโอลินน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยทำให้กล่องไวโอลินปิดอยู่ได้ แต่กล่องไวโอลินไม่เคยทำมายาวเพียงพอที่จะพันรอบตัวผู้ชายซักคนได้ ตัวกล่องไวโอลินไม่ใช่ชนิดกันน้ำ การจมอยู่ในน้ำเพียง 3 - 4 ช.ม. เท่านั้น ตัวไวโอลินก็จะแยกออกจากการเป็นชิ้นๆ ไม่สามารถยึดติดกันในสภาพเดิมได้เลย ดังนั้นไวโอลินที่อ้างว่าเป็นของ Hartley ตามที่เห็นอยู่ในภาพ จะต้องใช้เวลานานถึง 100 ช.ม. ในการติดกาวใหม่ ปรับแต่งใหม่ และประกอบกลับเข้าไปเป็นไวโอลินดังเดิม คำถามก็คือ ใครเป็นคนทำ ทำไมถึงไม่มีชื่อของเขาปรากฎอยู่ในสารบบช่างทำไวโอลิน
Amundson เชื่อว่าไวโอลินคันนี้เคยอยู่ในครอบครองของ Hartley ในช่วงระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่ง ที่มีคนพิเศษในชีวิตเขามอบให้เป็นของขวัญ แต่ไม่ใช่ไวโอลินคันที่ลอยคลออยู่ในน้ำทะเลนานถึง 10 วันแน่ๆ เขาคงรับไวโอลินคันนี้มาในฐานะของขวัญแต่เก็บเอาไว้ที่บ้าน ซึ่งคนที่บ้านคงปล่อยให้เก่าไปตามกาลเวลา หลังจากนั้นคงเปลี่ยนมือหรือถูกขายโดยที่ไม่มีใครรู้ค่าของมัน และนักไวโอลินอย่างเขาคงไม่ปล่อยให้ใครเอาแผ่นโลหะไปติดบนหางปลาไวโอลินที่ ตนใช้อยู่เป็นประจำ เพราะจะทำให้คุณภาพเสียงลดลง ซึ่งนักไวโอลินอย่างเขาย่อมทราบเรื่องนี้ดี และเขาย่อมจะเลือกใช้ไวโอลินตัวที่โปรดปรานที่สุด เป็นไวโอลินคุณภาพดี ไม่ใช่ไวโอลินคุณภาพธรรมดาอย่างที่เห็นในรูปถ่าย และลองคิดดูว่าถ้าคุณจมน้ำและรู้ตัวว่ากำลังจะตายแน่ๆ คุณจะผูกไวโอลินไว้กับตัวหรือไม่
ที่มาเว็บไซต์ siamviolin
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น